หากยังจำได้เมื่อวันที่ 28 ส.ค.58 ที่ผ่านมานั้น สื่อทั่วโลกได้ตีข่าว พ่อผู้ลี้ภัยชาวซีเรียอุ้มลูกน้อยหลับซบคาบ่า ยืนขายปากกา เพื่อประทังชีวิต จนโลกโซเชียลต้องระดมทุนบริจาคเพื่อช่วยชายคนดังกล่าว แต่ผ่านไปไม่นานด้วยความเก่ง ฉลาด บวกโชคนิดๆ ตอนนี้เข้าเป็นถึงเจ้าของกิจการถึง 3 แห่งแล้ว
ชายคนดังกล่าวชื่อ อับดุล ฮาลิม อัตตา (Abdul Halim al-Attar) วัย 33 ปี เป็นผู้อพยพชาวปาเลสไตน์ ที่ลี้ภัยจากประเทศซีเรียจากสงครามในคาบสมุทรอาหรับ ซึ่งก่อนหน้านี้ ประกอบอาชีพเร่ขายปากกาในกรุงเบรุต ประเทศเลบานอน แต่ในขณะนี้ เขาเป็นเจ้าของกิจการกว่า 3 กิจการ ทั้งร้านเบเกอรี่ ร้านเคบับ และร้านอาหารขนาดเล็ก มีรายได้รวมราว 191,000 ดอลลาร์ หรือราว 6,850,000 บาท
ซึ่งทั้งหมดมาจากการระดมทุนในแคมเปญ crowdfunding หรือการขายไอเดียให้คนช่วยสนับสนุนเงินทุนมาสร้างธุรกิจ ผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ จนประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารถึง 3 อย่าง และมีลูกจ้าง ซึ่งเป็นผู้อพยพจากตะวันออกกลางเช่นเดียวกันอีก 16 ชีวิต
จากเดิมที่ชะตาชีวิตพลิกผัน ให้พลัดพลากจากบ้านเกิด ต้องมาอาศัยอยู่ในห้องแคบๆ ตอนนี้เขามีชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งที่อยู่อาศัยที่กว้างขึ้น และมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับลูก ๆ ของเขานอกจากนี้ลูก ๆ ของเขายังได้มีโอกาสไปโรงเรียน และได้รับการศึกษาดังเช่นเด็กทั่ว ๆ ไป
ส่วนเส้นทางธุรกิจของเขา เริ่มจากการระดมทุนจากเว็บไซต์ Indiegogo และ Paypal ให้ผู้มีความฝัน มาขายไอเดีย ให้คนช่วยสนับสนุนเงิน แต่เมื่อโครงการสำเร็จ เขากลับต้องดำเนินการในการทำธรุกรรมทางการเงินที่ยากลำบาก เพราะในฐานะผู้ลี้ภัย เขาไม่สามารถเปิดบัญชีธนาคารในประเทศเลบานอนได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ลี้ภัยกว่า 1.2 ล้าน คน ที่เดินทางมายังประเทศเลบานอน ต่างต้องดิ้นรน หางานเพื่อนำเงินมาเลี้ยงชีพ และมีเพียง 1 ใน 3 เท่านั้น ที่มีงานทำ ซึ่งจากกรณีของเจ้าของธุรกิจซึ่งเคยเป็นเพียงผู้อพยพรายนี้ถือเป็นเรื่องที่พิเศษ และเมื่อเขาประสบความสำเร็จในการประกอบธุรกิจ เขาได้รับการนับหน้าถือตา มากกว่าตอนที่ยังเป็นเพียงแค่ผู้ลี้ภัยจนเขาสังเกตเห็นได้ชัด
http://www.siamupdate.com/news-179192