จับได้หมด 5 โจรชั่ว รุมโทรม 2 สาวต่างชาติ เมื่อรู้ว่ามันทำอะกับเหยื่อไรบ้างบอกเลยเลวมาก

จับได้หมด 5 โจรชั่ว รุมโทรม 2 สาวต่างชาติ เมื่อรู้ว่ามันทำอะกับเหยื่อไรบ้างบอกเลยเลวมาก


ผบ.ตร.บินไปเกาะกูดร่วมสอบปากคำ 5 ตังเกเขมรก่อเหตุรุมโทรม 2 แหม่มฝรั่งเศส แฉเป็นลูกเรือประมงที่ทอดสมอหลบมรสุมใกล้ๆ ชายฝั่ง ตกดึกเมาแล้วพากันว่ายน้ำเข้ามาเที่ยวต่อ เจอเหยื่อเป็นนักท่องเที่ยว ชาย 2-หญิง 2 ออกจากรีสอร์ตมาหาของกิน ทำร้ายฝ่ายชายก่อนฉุดผู้หญิงเข้าข้างทางรุมโทรม พลเมืองดีขับรถผ่านมาคนร้ายตกใจเผ่นหนีทั้งเปลือย ตร.-ทหาร และฝ่ายปกครองปิดล้อมจับกุมได้ 3 คน ส่วนอีก 2 คนหนีขึ้นเรืออีกลำไปขึ้นที่คลองใหญ่ หวังข้ามชายแดนหนี แต่โดนตม.ล็อกตัวไว้ได้ ตร. คุมทำแผนฯก่อนต้องเลิกกลางคัน เพราะชาวบ้านฮือเข้าประชาทัณฑ์จนสะบักสะบอม


เมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 28 ก.พ. พ.ต.ท. สุรพร เทพเสน รองผกก.เกาะกูด จ.ตราด รับแจ้งมีนักท่องเที่ยวต่างชาติถูกทำร้ายและรุมโทรม บริเวณหมู่ 5 บ้านอ่าวพร้าว ต.เกาะกูด อ.เกาะกูด จึงนำกำลังเดินทางไปตรวจสอบ เบื้องต้นทราบว่าผู้เสียหายเป็นนักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศสชาย 2 คน และหญิง 2 คน มีพลเมืองดีช่วยพาส่งร.พ.เกาะกูดไปก่อนแล้ว อาการปลอดภัย โดยตำรวจได้เบาะแสว่าคนร้ายเป็นชาย 5 คน แยกย้ายกันหลบหนีเข้าไปในป่าข้างทาง จึงประสานกับนายทรงกลด สอนพึ่งรักษ์ ปลัดอาวุโส อ.เกาะกูด และจ.อ.วิชัย จันทร์คาม หน.ชุดประสานงานกองทัพเรือประจำเกาะกูด นำกำลังทหารนาวิกโยธิน ตำรวจ และกำลังฝ่ายปกครอง ปิดล้อม


เจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จับกุมคนร้ายได้ 3 ราย ประกอบด้วยนายยิ้ม อายุ 25 ปี นายภัย อายุ 22 ปี นายเจิน อายุ 25 ปี เป็นชาวกัมพูชา ทำงานเป็นลูกเรือประมงชื่อ "ส.ประเสริฐพร" ซึ่งจอดลอยลำหลบคลื่นลมบริเวณอ่าวบังเบ้า อ.เกาะกูด ห่างฝั่งประมาณ 300 เมตร ส่วนอีก 2 คนที่หลบหนีไปได้ทราบชื่อคือ นายที อายุ 20 ปี และนายบด มาน อายุ 20 ปี


กระทั่งเวลา 15.00 น. ร.ต.ท.อุเทน รองสารวัตร ตม.คลองใหญ่ ด่านตม.หาดเล็ก ประสานมายังสภ.เกาะกูด ว่าควบคุมตัวชาวกัมพูชา 2 คนต้องสงสัยว่าเป็นคนร้ายเข้ามาที่ด่านเพื่อกลับประเทศกัมพูชา โดยตำรวจเกาะกูดส่งรูปพรรณและภาพถ่ายไปให้พบว่าเป็นคนร้ายที่หลบหนีอยู่จริง จึงคุมตัวส่งมาที่สภ.เกาะกูด เบื้องต้นทราบว่าคนร้ายหลบหนีวงล้อมตำรวจแล้วอาศัยเรือตังเกมาขึ้นที่คลอง ใหญ่ ก่อนพยายามข้ามพรมแดนแต่ไม่รอด


ต่อมานายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าฯตราด และพล.ต.ต.นพรัตน์ รินทพล ผบก.ภ.ตราด เดินทางมายังเกาะกูดเข้าเยี่ยมผู้บาดเจ็บ ก่อนเดินทางไปร่วมสอบปากคำผู้ต้องหา


สอบสวนทราบว่าผู้เสีย หายเป็นนักท่องเที่ยวซึ่งเป็นญาติกันทั้งหมด มาพักที่รีสอร์ตใกล้ๆ จุดเกิดเหตุ โดยผู้หญิงมีอายุ 28 และ 57 ปี ส่วนผู้ชายอายุ 29 และ 30 ปี เข้าพักตั้งแต่วันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา ก่อนเกิดเหตุทั้ง 4 คนเดินมาตามทางเพื่อไปร้านอาหาร ระหว่างนั้นพบคนร้าย 2 คน ทำทีเข้ามา สอบถาม เมื่อเหยื่อเดินสวนออกมา มีคนร้ายอีก 3 คนกรูเข้ามาจากข้างทาง ก่อนที่ทั้ง หมดจะรุมทำร้ายผู้ชาย และฉุดผู้หญิงเข้าป่าข้างทาง โดยฝ่ายหญิงตะโกนบอกให้ญาติรีบกลับไปขอความช่วยเหลือที่รีสอร์ต


ระหว่าง นั้นคนร้ายฉุดนักท่องเที่ยวหญิงทั้ง 2 คนเข้าไปรุมโทรม ขณะที่กำลังลงมือมีพลเมืองดีขับรถผ่านมา ทำให้คนร้ายตกใจผละจากเหยื่อหลบเข้าไปในป่าข้างทางในสภาพทั้งเปลือย ขณะเดียวกันพนักงาน รีสอร์ตที่ได้รับแจ้งเหตุร้าย ยกกำลังเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุพอดี จึงช่วยกันพาคนเจ็บส่งโรงพยาบาล พร้อมแจ้งตำรวจมาปิดล้อมกระทั่งจับกุมคนร้ายได้ทั้งหมด


ด้าน คนร้ายให้การสารภาพว่า เดินทางจากท่าเรือเฉลิมพล อ.แหลมงอบ จ.ตราด ระหว่างทางมีคลื่มลมแรง ไต้กงจึงให้จอดเรือหลบบริเวณอ่าวบังเบ้า ตั้งแต่ตอนบ่าย กระทั่งในช่วงดึกทั้งหมดตั้งวงดื่มเหล้าบนเรือ จนเหล้าหมดจึงชักชวนกันว่ายน้ำเข้าฝั่งเพื่อหาเหล้าดื่มต่อ โดยบางคนพกอาวุธมีดมาด้วย ช่วงขึ้นฝั่งได้ไม่นานพบผู้เสียหายเดินมากัน 4 คน จึงร่วมกันลงมือก่อเหตุ


พ.ต.ท.สุรพรกล่าวเพิ่มเติมว่า ในวันที่ 29 ก.พ. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.พร้อมนายตำรวจระดับสูงจะเดินทางมายังสภ.เกาะกูด เพื่อร่วมสอบปากคำคนร้ายและเยี่ยมคนเจ็บด้วย


เวลา 17.30 น.วันเดียวกัน พ.ต.อ.สุจินต์ มีขะจิตต์ รองผบก.ภ.จ.ตราด พร้อมตำรวจสำนักงานพิสูจน์หลักฐาน เดินทางไปยังอ.เกาะกูด เพื่อติดตามคดีก่อนคุมตัวผู้ต้องหา 3 คนแรกที่ถูกจับกุมมาสอบปากคำ ทั้งหมดให้การวกไปวนมาแต่ก็สารภาพว่าร่วมกันก่อเหตุจริง เจ้าหน้าที่จึงพาไปทำแผนประทุษกรรมประกอบคำสารภาพยังจุดเกิดเหตุ โดยมีกำลังตำรวจและฝ่ายปกครองกว่า 50 นาย ดูแลความปลอดภัย เนื่องจากมีชาวบ้านจำนวนมากมาดักรอดู


ตำรวจให้คนร้ายแสดงท่า ทำร้ายนักท่องเที่ยวผู้ชาย ก่อนล็อกตัว 2 แหม่มเข้าไปในป่าข้างทางรุมโทรมและทำร้ายซ้ำอย่างทารุณ เมื่อมาถึงตอนนี้บรรดาไทยมุงจำนวนมากเกิดความโกรธแค้นตะโกนด่าทอ เพราะทำให้เกาะกูดซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเสียชื่อ ก่อนแหกวงล้อมตำรวจเข้าไปรุมทำร้าย ผู้ต้องหาจนสะบักสะบอม ตำรวจเข้าห้ามปรามจนชุลมุน สุดท้ายต้องยุติการทำแผนฯกลางคัน รีบพาผู้ต้องหากลับโรงพัก